เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คิดค้นขึ้นโดย น.พ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารคอสเมติคส์ปี 2556 และได้บรรยายในงานประชุมแพทย์ความงามนานาชาติ ที่มีแพทย์จากทั่วโกเข้าฟังคือ
งาน International Cosmetic and Aesthetic Dermatology 2015 โดยค้นพบว่า การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาใต้ตานี้ มี6จุดสำคัญ
1. จุดที่กระดูกโหนกแก้มใต้ตา โดยจุดนี้ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูง และมีประสิทธิภาพในการยกหน้าที่ดี เพื่อจะช่วยพยุงยึด หรือทดแทนกระดูกส่วนที่ทรุดหายไปให้ยกกลับขึ้นมา และจะส่งผลพยุงให้ผิวใต่้ตากระชับขึ้น ร่องลึกใต้ตาตื้นขึ้น และถุงใต้ตาก็จะโดนดันให้กลับหายไป โดยฉีดชั้นลึก จุดนี้ควรฉีดในทุกๆคนที่มีปัญหา ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงปัญหาตาระยะเริ่มแรก ในคนวัย20ปี ก็ควรฉีดจุดนี้ในทุกๆคน
2. เหนือจุดที่1 เป็นจุดที่ฉีดในชั้นลึกในระดับเดียวจุดที่1 แต่ในตำแหน่งที่สูงกว่า คืออยู่ตำแหน่งที่เป็นท้องช้างของถุงใต้ตา หรือร่องใต้ตา
3. จุดที่อยู่ข้างสุดของเบ้าตา โดยฉีดที่ระดับลึกเช่นกัน
4. จุดร่องตาตำแหน่งใกล้ไปทางหัวตา โดยฉีดระดับความลึกในระดับชั้นกล้ามเนื้อตา
5. จุดระหว่าง จุดที่2 และ จุดที่3 โดยฉีดลึกเช่นกัน
6. จุดระหว่างจุดที่2 และจุดที่ 4 โดยจุดนี้แนะนำให้ฉีดที่ชั้นใต้กล้ามเนื้อที่ไม่ลึกมาก
จุดทั้งหมด คือตำแหน่งเฉพาะที่ น.พ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์คิดค้นขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความแก่ใต้ตาที่ได้ผลดี โดยจุดที่1 ควรฉีดฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูง แต่ตั้งแต่จุดที่2 – จุดที่6 ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดน้อย สำหรับผิวของใต้เปลือกตาโดยเฉพาะ จะทำให้สวยกว่า
เทคนิคใหม่ที่เอามาผสมผสานให้ได้ผลดีขึ้นและอยู่ได้ยาวนานนั่นคือ Subperiosteal injection with blunt cannula
และถ้าจะให้ผลดียิ่งขึ้น น.พ. รัสมิ์ภูมิ พบเทคนิคใหม่ที่ใช้ตำแหน่ง และการฉีดฟิลเลอร์เหมือนเดิม แต่ความลึกของจุดที่ฉีด ในจุดที่ 1,2,3 และ 5 จะฉีดฟิลเลอร์โดยฝังเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก โดยการใช้เข็มทู่ ( Subperiosteal injection with blunt cannula) ไม่ใช่แค่เพียงวาง หรือสัมผัสอยู่บนกระดูก ซึ่งจะไม่ดีเท่ากับการฝังไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก
อ่านต่อ http://www.hanber.net/?p=903
by น.พ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์